โรคร้ายที่มากับการ Work ไร้ Balance
ในหนึ่งวันที่ชาวออฟฟิศต้องนั่งทำงานจนเพลินเป็นเวลานานๆ นั้น รู้หรือไม่ว่าเป็นสาเหตุในการทำลายสุขภาพของเราอย่างยิ่ง การนั่งนานๆ อาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้โดยที่เราไม่รู้ตัว และในปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ จำเป็นต้องหันมาใช้วิธีการทำงานแบบ work from home หรือทำงานที่บ้าน อาจก่อให้เกิดการ work แบบไร้ balance คือมีการทำงานที่ไม่เหมาะสมกับเวลา เพราะเราต้องพร้อมรับมือกับการทำงานตลอด ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งในสถานที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน บางคนอาจต้องประชุมผ่านวิดีโอคอลทั้งวัน ทำให้ไม่ได้ลุกไปยืดเส้นยืดสาย หรือเปลี่ยนอริยาบทอื่นๆ ต้องรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ไม่ได้มีเวลาออกกำลังกายดูแลสุขภาพของตนเอง
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆ เรามาทำความรู้จักกับ 5 โรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเราได้หากเราไม่ดูแลตนเอง
โรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้หาก Work ไร้ Balance
1. โรคเบาหวาน
หนึ่งในโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีสาเหตุมาจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งอินซูลินมีหน้าที่ในการทำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เมื่อไม่สามารถนำไปใช้ได้น้ำตาลกลูโคสจึงเกิดการสะสมอยู่ในเลือดเป็นปริมาณสูง ส่งผลให้เป็นเบาหวานนั่นเอง
ลักษณะอาการของโรคเบาหวานเบื้องต้นจะมีอาการ ปัสสาวะบ่อยขึ้น บาดแผลหายช้า อ่อนเพลีย อารมณ์ไม่คงที่ หากไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง เป็นต้น
เราก็ควรที่จะมีวิธีป้องกันโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นทานผักผลไม้ ลดคาร์โบไฮเดรตจากแป้งและไขมันให้น้อยลง แค่นี้เราก็สามารถป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เป็นโรคเบาหวานได้
2. โรคตับ
อย่างที่ทราบกันดีว่าตับนั้นเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายในทุกๆ ด้าน ดังนั้นความเสียหายที่เกิดกับตับจึงหมายถึงความเสื่อมโทรมของสุขภาพโดยรวม โรคตับเป็นโรคที่เกิดจากการที่ตับได้รับบาดเจ็บจนกลายเป็นพังผืดขึ้นในเนื้อตับ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับช้าลงนำพาให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้ หน้าที่ของตับคือช่วยในการผลิตน้ำดีซึ่งน้ำดีก็จะไปย่อยอาหารประเภทไขมันและจัดการกับสารพิษต่างๆ ที่ร่างกายรับเข้ามาแล้วขับออกจากร่างกายไม่ให้มีการตกค้าง
ลักษณะอาการของโรคตับจะมีอาการอ่อนเพลีย ประจำเดือนมาไม่ปกติ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดแน่นที่ชายโครง เราสามารถป้องกันโรคตับได้คือ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าดื่มต้องเป็นครั้งคราวในปริมาณไม่มาก หลีกเลี่ยงการใช้ยาพร่ำเพรื่อ แค่นี้ก็สามารถป้องกันโรคตับได้ดีในระดับหนึ่ง
3. โรคมะเร็ง
โรคร้ายแรงที่พบได้บ่อยมากในปัจจุบันจากสถิติของ WHO พบว่าในปี 2020 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 19.3 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกถึง 10 ล้านคน โดยมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ออกกำลังกาย การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ปาร์ตี้หนัก รับประทานแต่อาหารฟาสต์ฟู้ด มะเร็งในตัวเรานั้นมีมากกว่า 100 ชนิด ซึ่งมะเร็งแต่ละแบบก็จะมีรายละเอียดและความร้ายแรงของโรคแตกต่างกันออกไป ซึ่งมะเร็งที่พบมากที่สุดคือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ และมะเร็งปอด
วิธีป้องกันโรคมะเร็งเบื้องต้นก็คือ การรักษาสุขภาพของตนเองให้ดี รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก หรือสุกไหม้จนเกินไป และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง
ด้วยการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน การเตรียมพร้อมเสมอจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกับเรื่องสุขภาพ การซื้อ ประกันคุ้มครองโรคร้าย หรือ ประกันมะเร็ง เอาไว้หากเกิดเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมา ค่ารักษาพยาบาลมักสูงมาก หากเราทำประกันโรคร้ายแรงไว้ โดยจ่ายค่าเบี้ยประกันเพื่อแลกกับการชดเชยความเสี่ยง ช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีบริษัทประกันจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนเรา
4. โรคหลอดเลือดสมองตีบ
หรือที่ใครหลายคนเรียกกันว่าโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ซึ่งมีสาเหตุใหญ่ๆ อยู่ 2 อย่าง ได้แก่ หลอดเลือดเกิดตีบหรืออุดตัน และสาเหตุที่สองคือหลอดเลือดสมองแตก ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นโรคนี้ได้เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราคือ รับประทานอาหารที่มีไขมันมาก รสเค็ม สูบบุหรี่ ดื่มสุราในปริมาณมาก และใช้สารเสพติด ดังนั้นเราควรสังเกตุร่างกายหากมีอาการพูดไม่ชัด อาการอ่อนแรง (อัมพฤกษ์/อัมพาต) หรือชาบริเวณหน้า แขน ขา เวียนศรีษะ/ปวดศรีษะ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
5. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
อีกหนึ่งโรคที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมาก เนื่องจากในปัจจุบัน พฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนไทยได้เปลี่ยนไป นั่นคือ นิยมรับประทานอาหารไขมันสูง ทำให้มีความเสี่ยงที่มีไขมันสะสมในเส้นเลือด จนเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันขึ้นได้
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันก็คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น พันธุกรรม ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ไม่ออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ดื่มสุรา เป็นต้น ลองสังเกตุอาการของตัวเองหากมีอาการ เจ็บ แน่นหน้าอก เหมือนมีของหนักๆ มาทับอยู่บางครั้งอาจปวดร้าวลามไปถึงแขนซ้าย เหนื่อยง่าย ควรมาปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคโดยเร็ว
ทางแก้ที่จะทำให้ Work กลับมา Balance ได้ ไม่ว่าจะทำงานที่ไหน
โรคร้ายต่างๆ ที่กล้าวมาข้างต้นคงไม่มีใครอยากเป็นเพราะเป็นโรคที่รักษาไม่ค่อยหายขาด จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลค่อนข้างสูง เราจึงควรมีการวางแผนในเรื่องของสุขภาพในระยะยาว แต่เรามีทางแก้ง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่จะทำให้ work กลับมา balance ได้ วิธีง่ายๆ นั่นก็คือ
8:8:8 สูตรสร้างความสมดุลให้กับชีวิตเเละการทำงาน
ทุกคนมีเวลาใช้ชีวิตใน 1 วันเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง เมื่อเรามาแบ่งสัดส่วนเป็น 3 ส่วน เราก็จะได้สูตร 8:8:8 นั่นก็คือ 8 แรก เป็น 8 ชั่วโมงสำหรับการนอนหลับ ควรเข้านอนในช่วงเวลา 4 ทุ่ม เพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้หลั่งสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากเรามีภาวะนอนน้อยพักผ่อนไม่เพียงพอจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้เช่น สมองทำงานช้า ร่างกายอ่อนเพลีย อารมณ์แปรปรวน สายตาเเย่ ความจำเเย่ลงหลงๆ ลืมๆ สิวขึ้น น้ำหนักขึ้น
8 ต่อมา เป็น 8 ชั่วโมงสำหรับการทำงาน มนุษย์ออฟฟิศควรทำตามเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรโหมทำงานหนักจนเกินไป บางคนทำงานวันละ 10 ชั่วโมงที่ออฟฟิศแล้วยังนำกลับมาทำที่บ้านอีก ควรหยุดทำพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเรา ควรหาเวลาพักเบรค ยืดเส้นยืดสาย ไม่ควรนั่งเก้าอี้ทำงานเป็นเวลานาน ควรลุกมาให้ร่างกายได้ขยับตัวอย่างน้อยชั่วโมงละครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที เช่น ไปเข้าห้องน้ำ เดินเล่น หาเพลงฟังเพื่อลดความเครียดในการทำงาน
และ 8 สุดท้าย เป็น 8 ชั่วโมงสำหรับการพัฒนาหรือว่าสันทนาการ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยว แฮงเอ้าท์กับเพื่อน อ่านหนังสือ การดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย ทำสิ่งที่เรารู้สึกสบายใจ ผ่อนคลายมีความสุข เป็นเวลาสำหรับอิสระของเราในการลดความตึงเครียด
การออกกำลังกาย
หลายคนอ้างว่าไม่มีเวลาที่จะออกกำลังกาย ผลัดวันประกันพรุ่ง จริงๆ เเล้วการมีสุขภาพดีเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด เพราะคำโบราณกล่าวว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ เราก็ควรที่จะดูเเละร่างกายไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร ที่สำคัญควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เนื่องจาก การออกกำลังกายช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตต่ำ ช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัว ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องเเคล่ว ช่วยให้ลดความเครียด ทำให้การนอนหลับพักผ่อนดีขึ้น
การออกกำลังกายที่ดีนั้น ควรเป็นการออกกำลังกายที่ต่อเนื่อง ควรเริ่มจากการอุ่นร่างกาย ประมาณ 5-10 นาที ออกกำลังกาย 15-20 นาที และจบด้วยการผ่อนคลาย 5-10 นาที สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาเเพทย์ก่อนว่าควรจะออกกำลังกายด้วยวิธีใดที่ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นใน 1 วันเราควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อสุขภาพที่ดี
พักผ่อนให้เพียงพอ
คนส่วนใหญ่คิดว่าการนอนดึกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่จึงละเลยเวลาพักผ่อน เอาเวลานอนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นจนเลยเวลานอน เช่น เล่นโซเชียล เล่นเกม ดูซีรีส์หรือทำงานจนลืมเวลา จึงไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอเป็นประจำอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งสุขภาพจิต สุขภาพร่างกาย หากไม่ได้รับการแก้ไขอาจต้องประสบปัญหาหรือเป็นโรคต่างๆ เช่น ปัญหาสุขภาพจิต คือ มีความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า โรคอ้วน โรคเบาหวาน เป็นต้น ดังนั้นเราควรมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน ก็คือควรเข้านอนและตื่นนอนให้ตรง เวลาเป็นประจำ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีนและควรนอนอย่างน้อยให้ได้ 7- 9 ชั่วโมงในทุกๆ วัน
ตรวจสุขภาพประจำทุกปี
เพราะแต่ละคนมีร่างกายที่ไม่เหมือนกันการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีจึงสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน เด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ก็ควรที่จะตรวจสุขภาพทุกปี เพื่อค้นหาโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในร่างกายเราตั้งแต่ระยะแรกแรก ทำให้เราได้รับการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันไม่ให้โรคลุกลามไปจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากตรวจพบว่าไม่เป็นโรคแต่มีภาวะเสี่ยง เราก็จะได้ดูแลร่างกายของเราเฝ้าระวังติดตามปัญหาสุขภาพนั้นอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารที่มีไขมันสูง ไม่ออกกำลังกาย ดื่มแอลกอฮอล์ มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคร้ายต่างๆ ได้ เช่น โรคไขมัน เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
เพราะฉะนั้นเราควรตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ที่สำคัญตัวช่วยที่จะดูแลเราเรื่องสุขภาพอย่างประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่จะช่วยคุ้มครองโรคร้ายหากตรวจเจอหรือเจ็บป่วย ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน เพราะเมื่อเรามีความจำเป็นที่จะต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ค่อนข้างสูง ควรมีการวางแผนสุขภาพระยะยาว โดยการเลือกซื้อประกันโรคร้ายแรงมาช่วยดูแลจะได้อุ่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น
myFlexi CI ประกันโรคร้ายแรง
myFlexi CI ประกันโรคร้ายแรง จาก Tune Protect ให้คุณ “ได้” ครบที่ Click เลือก ดูแลโรคร้าย ทุกระยะ เลือกความคุ้มครองได้ตามใจคุณ
จุดเด่นแบบประกัน myFlexi CI
- เลือกปรับเพิ่ม-ลด ความคุ้มครองโรคร้าย ตามที่ต้องการได้
- เบี้ยประกัน แบ่งจ่ายเบาๆ ตามระยะเวลาที่คุณเลือก สูงสุด 10 เดือน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละธนาคาร)
- เบี้ยประกันถูก แต่คุ้มครองสูง
- ครอบคลุมความคุ้มครองโรคร้ายไม่ว่าจะระยะต้น ระยะกลาง หรือระยะรุนแรง ด้วยทุนประกันรวมสูงสุดมากกว่า 3,000,000, บาท
- ได้รับเงินก้อนทันทีหลังได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์*
- มีระบบแนะนำแผนประกันภัยตามงบประมาณต่อปีที่คุณต้องการ
- คุ้มครองถึงอายุ 65 ปี การันตีการต่ออายุหากไม่ได้มีเคลม
- มีค่าชดเชยรายวัน และพยาบาลพิเศษ*
- ตอบคำถามสุขภาพแค่ 3 ข้อ ไม่ต้องไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล
- สมัครได้เลย โดยไม่ต้องซื้อประกันชีวิต
- เบี้ยประกันนำไปลดหย่อนภาษีได้*
- ฟรี! บริการความเห็นที่สองทางการแพทย์ และปรึกษาแพทย์ออนไลน์*
*ผลประโยชน์ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ และเป็นไปตามบริษัทกำหนด
ไม่มีใครรู้ว่าโรคร้ายเหล่านี้จะมาหาคุณเมื่อไหร่ นอกจากการจัดการเวลาในการทำงาน ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และตรวจสุขภาพประจำปีทุกๆ ปีแล้ว การทำ myFlexi CI ประกันโรคร้ายแรงจาก Tune Protect ถือเป็นตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระที่จะเกิดขึ้นจากโรคร้ายต่างๆ ได้