
โรคยอดฮิตประจำหน้าร้อนและวิธีป้องกันโรค ทำอย่างไรบ้าง?
ในช่วงฤดูร้อนของไทยเป็นอีกช่วงหนึ่งที่หลายคนรอคอย เพื่อจะไปเที่ยวทะเลชิลล์ๆ เล่นน้ำสงกรานต์ หรือออกไปตระเวนหาของกิน แต่ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงก็อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ดังนั้นก่อนถึงหน้าร้อน 2568 นี้ ควรเตรียมตัวแบบไหน และโรคยอดฮิตประจำหน้าร้อนมีอะไรบ้าง ต้องดูแลและป้องกันตัวเองอย่างไรให้ไม่เจ็บไม่ป่วยกัน Tune Protect ขอชวนทุกคนมาติดตามได้ในบทความนี้เลย
ฤดูร้อนของไทยคือช่วงเดือนใด?
ถ้าพูดถึงหน้าร้อนของไทย เชื่อว่าหลายคนก็ต้องคิดว่าทั้งปี แต่จริงๆ แล้วประเทศไทยจะมี 3 ฤดูเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากโซนอื่นที่จะมี 4 ฤดูจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม ลักษณะทางภูมิศาสตร์ และการถูกกำหนดจากลมมรสุม ทำให้ประเทศไทยจึงมีเพียงฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาวเท่านั้น โดยฤดูร้อนจะเริ่มตั้งแต่ กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งถึงแม้อากาศจะร้อนจัดและอบอ้าวจากดวงอาทิตย์ แต่บางช่วงเวลา เราก็อาจรู้สึกเย็นขึ้นได้ นั่นก็มาจากมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาจากประเทศจีนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ทำให้อาจเกิดพายุฤดูร้อนได้นั่นเอง ฤดูร้อนในไทยอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 35-33 องศาเซลเซียสและช่วงเวลาที่ร้อนจัดจะอยู่ที่ 40 องศาขึ้นไป โดยหน้าร้อน 2568 จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปลายกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ซึ่งปีนี้ช้ากว่าปีอื่นๆ ถึง 2 สัปดาห์ด้วยกัน
โรคยอดฮิตประจำหน้าร้อน 2568 และวิธีป้องกันโรค
นอกจากจะต้องทนกับอากาศที่ร้อนแล้ว ในช่วงนี้ยังมีความเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้หลายคนป่วยได้ง่ายอีก ทั้งจากเชื้อแบคทีเรียและสัตว์บางชนิด โดยมีกลุ่มโรคยอดฮิตประจำหน้าร้อนได้แก่
1.โรคลมแดดหรือฮีทสโตก
ใครที่ต้องทำงานกลางแจ้งหรืออยู่กลางแจ้งบ่อยๆ ต้องระวังโรคลมแดดเลย ซึ่งจะปรากฏอาการขึ้นเมื่อร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไปจนมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาและระบายความร้อนไม่ทัน มีการสูญเสียน้ำในร่างกายออกไปจนทำให้อ่อนเพลีย ซึม ชัก ตลอดจนเซลล์ทำงานผิดปกติ ในบางคนอาจมีอาการรุนแรงอย่างภาวะไตวายตามมาได้หากมีปัสสาวะเข้มผิดปกติ ดังนั้นเมื่อเกิดอาการฮีทสโตกขึ้น ควรรีบทำอุณหภูมิให้ลดลงเร็วที่สุดก่อนนำส่งโรงพยาบาล จัดท่าทางให้นอนหงาย ยกขา ถอดเสื้อ และใช้รีบหาผ้าชุบน้ำเย็นประคบร่างกาย ดื่มน้ำเกลือแร่ให้มากขึ้น นอกจากนี้ ในฤดูร้อนทุกคนควรสวมใส่ชุดที่โปร่งสบายและบาง ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ หากเล่นกีฬาควรจิบเกลือแร่ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำฉับพลัน เท่านี้ก็จะช่วยให้ห่างไกลจากอาการลมแดดได้แล้ว
2.โรคพิษสุนัขบ้า
ช่วงอากาศร้อน นอกจากจะทำให้คนธรรมดาหงุดหงิดง่ายแล้ว ยังทำให้สัตว์หงุดหงิดง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นใครที่ชอบไปเล่นกับสุนัขหรือแมวจรบ่อยๆ แล้วถูกข่วนหรือกัด มีโอกาสที่จะติดพิษสุนัขบ้าได้ง่ายกว่าเดิมนะ เพราะเชื้อไวรัสจะอยู่ในน้ำลายและหากสัมผัสโดนแผลถลอกก็มีโอกาสติดเชื้อได้ แล้วเมื่อโดนกัดเนี้ยควรรีบทำความสะอาดแผลทันทีและไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน สำหรับใครที่เลี้ยงสัตว์อย่าลืมพาน้องไปฉีดวัคซีนกระตุ้นเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับสัตว์เลี้ยงของเรา
3.ผิวไหม้แดด
เพราะแดดเมืองไทยไม่เคยปรานีใคร ยิ่งถ้าได้ไปเที่ยวทะเลด้วยก็มักจะเจอปัญหาผิวไหม้แดด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดจ้าเป็นเวลานานจนอาจทำให้เกิดผิวไหม้ หมองคล้ำ โดยจะมีอาการแสบผิว คันผิว แห้ง ผิวลอก หรือผิวขึ้นตุ่มน้ำได้ แล้วยิ่งใครที่ไม่ใส่ใจปล่อยให้โดนแดดนานๆ ก็สามารถพัฒนาไปเป็นมะเร็งผิวหนังได้นะ ดังนั้นใครที่ไม่อยากเสี่ยง เมื่อมีอาการผิวไหม้แดดควรรีบอาบน้ำระบายความร้อน ทาว่านหางจระเข้และทาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อลดการอักเสบและเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว นอกจากนี้ อีกวิธีป้องกันผิวไม้ คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดด พกร่มหรือสวมใส่เสื้อคลุม พร้อมทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด
4.อาหารเป็นพิษ
อีกหนึ่งอาการที่เจอบ่อยมาก เพราะในช่วงอากาศร้อนอาหารจะบูดและเน่าเสียได้ง่ายกว่าปกติ แค่ทิ้งไว้แปปก็บูดแล้ว ดังนั้นใครที่เผลอกินอาหารเหล่านั้นไป อาจจะเกิดอาการท้องเสีย ท้องร่วง คลื่นไส้ หรืออาเจียนได้ เนื่องจากการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย โดยวิธีการป้องกันอาการนี้ เพียงรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ดื่มน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการกินน้ำแข็งที่ไม่สะอาด เพื่อป้องกันการเจือปนและเป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษอ
5.โรคบิด
อีกโรคหน้าร้อนที่เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียหรืออะมีบา มักพบในผักดิบและน้ำที่ปนเปื้อน โดยจะมีอาการถ่ายบ่อย ท้องเสียอย่างรุนแรงใกล้เคียงกับอาการอาหารเป็นพิษ แต่จะมีความรุนแรงเช่น การมีมูกเลือดปน ไข้สูงมากกว่า 38 องศา พร้อมอาการปวดเกร็งและปวดบีบเป็นพักๆ ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษา วิธีป้องกันโรคทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ค้างคืน ไม่สะอาด ไม่สุกทั่วถึง หรือการกินน้ำที่ปนเปื้อน ดังนั้นในช่วงนี้ควรรับประอาหารที่สดสะอาดและทำใหม่
6.โรคไวรัสตับอักเสบ A
โรคที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ สามารถติดต่อจากการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่มีเชื้อปนเปื้อนได้ โดยคนมีอาการจะรู้สึกเบื่ออาหาร อ่อนเพลียง่าย คลื่นไส้อาเจียน ตัวเหลืองตาเหลืองหรือมีภาวะดีซ่าน ซึ่งจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาทันที โดยสามารถป้องกันโรคได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ A
อากาศร้อนแบบนี้ อะไรที่ไม่ควรทำบ้าง?
นอกจากจะต้องดูแลสุขภาพให้ดีแล้ว มีหลายอย่างที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงหน้าร้อน เช่น
- อย่าอยู่กลางแดดนานๆ โดยไม่มีการป้องกัน เพราะอาจเกิดฮีทสโตรกได้
- อย่าดื่มน้ำเย็นจัดในขณะที่ร่างกายร้อนมาก ๆ เพราะอาจทำให้ช็อกได้
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่วางทิ้งไว้นานๆ เพราะเสี่ยงต่ออาการอาหารเป็นพิษ โรคบิด
- อย่าลืมเติมน้ำให้ร่างกายเสมอ แม้จะยังไม่รู้สึกกระหายก็ตาม
นอกจากนี้ หน้าร้อนนี้ผ่านไปได้อย่างสบายใจ การมีประกันภัยไว้ก็เป็นไอเดียที่ดี เช่นการมีประกันภัยส่วนบุคคลก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้อีกขั้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นประกันการท่องเที่ยว ถ้ากำลังจะหาที่เที่ยวแบบไปทะเลในประเทศหรือต่างประเทศก็สามารถที่จะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุมมากขึ้น รับความคุ้มครองตั้งแต่ไฟล์ทบิน การเดินทาง การเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น หรือการทำประกันอุบัติเหตุเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน การเป็นลม หกล้ม สัตว์มีพิษหรือเมล็ดกัดต่อยได้เช่นกัน รวมถึงการทำประกันบ้านที่ให้ความคุ้มครองกรณีไฟไหม้บ้าน เนื่องจากช่วงหน้าร้อนอากาศแห้งมักติดไฟได้ง่ายหรือพายุฤดูร้อนที่เกิดฝนฟ้าคะนองทำให้เสาไฟโค่นลงมาโดนอาคารและบ้านเรือได้เช่นกัน
หากท่านใดสนใจทำประกันเดินทางกับเรา สามารถเช็กข้อมูลแผนประกันเพิ่มเติม และรายละเอียดรับความคุ้มครองได้ที่เว็บไซต์ tuneprotect.co.th
ติดต่อ Call center: 1183 หรือแอด Line@: @tuneprotectth ได้เช่นกัน
*ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขของเอกสารเสนอขายก่อนตัดสินใจทำประกันภัย เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด