สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ ควรเลือกอย่างไร
ก่อนจะออกเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยว ไปทำงาน หรือไปทำภารกิจอะไรก็ตาม สิ่งจำเป็นที่ควรซื้อไว้สำหรับเป็นแบ็กอัปหรือแผนสำรอง ก็คือ ประกันเดินทางต่างประเทศ เพราะที่ต่างประเทศนั้น แน่นอนว่าต้องมีข้อกำหนด กฎเกณฑ์ หรือธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างกับบ้านของเรา ซึ่งถ้าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา ประกันเดินทางต่างประเทศที่คุณซื้อไว้ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระต่าง ๆ ได้
แต่จะเลือกประกันภัยเดินทางต่างประเทศแบบไหนที่ดีและตอบโจทย์ วันนี้มาทำความเข้าใจก่อนเลือกซื้อประกันเดินทางต่างประเทศกันดีกว่า
1. รู้จักกับประเภทของประกันภัยเดินทางต่างประเทศ
โดยทั่วไป ประกันเดินทางต่างประเทศ แบ่งออกเป็น 3 แบบหลัก ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเดินทางของผู้เดินทาง และจุดประสงค์ในการใช้ขอวีซ่า สามารถสรุปได้ดังนี้
1.1 ประกันเดินทางต่างประเทศแบบรายเที่ยว (Single Trip)
- ให้ความคุ้มครองแบบครั้งต่อครั้ง ทริปต่อทริป
- คุ้มครองในระยะสั้น ภายในระยะเวลาประมาณ 7 - 30 วัน
- เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางต่างประเทศไม่บ่อย เช่น ไปท่องเที่ยว ไปติดต่อธุรกิจชั่วคราว
- มีทั้งแบบคุ้มครองเพียงด้านเดียว เช่น ค่ารักษาพยาบาล และแบบคุ้มครองหลายด้านรวมกัน
1.2 ประกันเดินทางต่างประเทศแบบรายปี (Annual Trip)
- ให้ความคุ้มครองตลอดทั้งปีสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง
- คุ้มครองระยะยาว โดยอาจคุ้มครองระยะเวลาตั้งแต่ 90 - 180 วัน/ครั้ง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง หรือต้องไปอยู่ต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน เช่น ไปศึกษาต่อ ไปทำงานประจำ
- ความคุ้มครองครอบคลุมหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การเจ็บป่วย อุบัติเหตุ และคุ้มครองทรัพย์สิน
1.3 ประกันเดินทางต่างประเทศสำหรับใช้ขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)
ในบางประเทศ ก่อนออกเดินทาง ผู้เดินทางจำเป็นต้องยื่นขอวีซ่า และต้องมีประกันเดินทางที่มอบความคุ้มครอง ผลประโยชน์ รวมถึงวงเงินคุ้มครองที่ได้รับการรับรองจากสถานฑูตไว้ใช้ยื่นขอวีซ่าด้วย
โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปอย่างเขตเชงเก้น (Schengen) ที่ผู้เดินทางจะต้องขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ซึ่งเป็นวีซ่าที่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่า เดินทางเข้า - ออกระหว่างประเทศสมาชิกเขตเชงเก้น 26 ประเทศ ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าใหม่
ซึ่งประเภทของการเดินทางที่ผู้เดินทางจำเป็นต้องขอวีซ่าเชงเก้น ก็จะสอดคล้องกับประเภทของวีซ่าปกติทั่วไป นั่นคือ
- วีซ่าท่องเที่ยว (Tourist Visa) สำหรับการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวหรือพักผ่อน ซึ่งผู้ถือวีซ่าจะสามารถอยู่ในประเทศได้ชั่วคราว ในระยะเวลาที่กำหนด
- วีซ่าธุรกิจ (Business Visa) สำหรับการเดินทางเพื่อการประกอบธุรกิจ เช่น ประชุม สัมมนา จัดแสดงสินค้า เป็นต้น
- วีซ่าทำงาน (Work Visa) สำหรับการเดินทางเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งผู้ถือวีซ่าจะสามารถพำนักอยู่ในพื้นที่ได้นานเท่าไรนั้น จะขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่าและกฎหมายของแต่ละประเทศ
- วีซ่านักเรียน/นักศึกษา (Student Visa) สำหรับการเดินทางเพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศ
- วีซ่าคนอยู่อาศัย (Resident Visa) สำหรับการเดินทางที่บุคคลต้องการอยู่อาศัยในประเทศนั้นเป็นระยะเวลานานหรือถาวร เช่น ไปอยู่กับครอบครัว สามี/ภรรยา โดยระยะเวลาในการพำนักก็จะขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศเช่นเดียวกัน
2. สิ่งที่ควรรู้และเช็กให้ชัวร์ ก่อนซื้อประกันภัยเดินทางต่างประเทศ
มาถึงเรื่องสำคัญสำหรับใครที่ต้องการซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ โดยเฉพาะประกันเดินทางต่างประเทศรายปี มาดูวิธีเลือกแผนประกันที่ตรงใจกันต่อ โดยวิธีการเลือก มีดังนี้
1. แผนความคุ้มครองครอบคลุมหลายด้าน
อย่างที่บอกไปว่าเมื่ออยู่ต่างประเทศ อาจเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรืออื่น ๆ ดังนั้นแผนความคุ้มครองของประกันจะต้องครอบคลุมเรื่องหลัก ๆ ดังนี้
- ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือเจ็บป่วยหนัก แผนประกันก็ควรครอบคลุมกรณีต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ยิ่งถ้าหากแผนประกันคุ้มครองครอบคลุมโรคประจำตัว หรือภาวะเสี่ยงทางสุขภาพ ก็ยิ่งดี
- ครอบคลุมกรณีอุบัติเหตุและการเสียชีวิต ประกันเดินทางต่างประเทศควรมีวงเงินสำหรับส่วนนี้ไว้ด้วย เพราะไม่มีใครทราบเหตุการณ์ฉุกเฉินในอนาคต
- ครอบคลุมค่าใช้จ่ายกรณีต้องเคลื่อนย้ายกลับประเทศ สอดคล้องกับข้อด้านบน แผนประกันที่ดีควรคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายฉุกเฉิน หากต้องส่งตัวผู้เดินทางกลับประเทศ
- คุ้มครองทรัพย์สิน สัมภาระ กระเป๋าเดินทาง และเอกสารสำคัญ ในกรณีที่เกิดความล่าช้า สูญหาย หรือโดนโจรกรรม โดยในแผนควรให้เงินชดเชยในกรณีเหล่านี้เช่นเดียวกัน
- คุ้มครองกรณีไฟลต์บินยกเลิก ไฟลต์เลื่อนหรือดีเลย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่นอกเหนือการควบคุม จนทำให้ต้องเสียเวลาในการเดินทางมากขึ้น
2. ระยะเวลาในการคุ้มครองตรงกับความต้องการ
นอกจากเรื่องของความคุ้มครองแล้ว ควรเช็กให้ดีว่าประกันเดินทางต่างประเทศที่สนใจจะซื้อ คุ้มครองประเทศใดบ้าง และคุ้มครองกี่วัน ให้ระยะเวลาในการคุ้มครองขั้นต่ำกี่วัน และถ้าให้ดีคุณควรซื้อล่วงหน้า เพื่อให้ประกันเริ่มคุ้มครองทันทีในวันที่ต้องเดินทาง เพราะบางแผนประกันจะมีระยะเวลากำหนดอยู่ว่าต้องซื้อล่วงหน้านานเท่าไร
3. เลือกให้ตรงกับจุดประสงค์ในการเดินทางและประเทศที่จะไป
โดยดูจากลักษณะการเดินทางและกิจกรรมที่จะทำ เพื่อจะได้เลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ เช่น ถ้าในแพลนต้องทำกิจกรรมโลดโผน มีความเสี่ยง ต้องผจญภัยเยอะ หากแผนประกันเดินทางต่างประเทศแผนหลักไม่ครอบคลุม ก็อาจต้องซื้อประกันความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมไว้ด้วย
4. วงเงินคุ้มครองเหมาะสม
วงเงินคุ้มครองของประกันเดินทางต่างประเทศ ควรเหมาะสมกับค่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายไป เพราะหากวงเงินคุ้มครองต่ำ ก็อาจทำให้คุณต้องรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนเกินเอง ยิ่งค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศค่อนข้างสูง คุณจึงต้องเลือกแผนความคุ้มครองให้ดี
5. ค่าเบี้ยประกันที่คุ้มค่า เมื่อเปรียบเทียบกับหลายเจ้า
เพื่อให้ได้แผนประกันที่ตอบโจทย์ และมาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่า ก่อนซื้อต้องให้เวลากับการเปรียบเทียบราคา และความคุ้มครองของแผนประกันที่มีลักษณะเดียวกัน จากบริษัทประกันภัยหลาย ๆ เจ้า ซึ่งถ้าหากบริษัทไหนมีโปรโมชันสำหรับลูกค้าเพิ่มมาด้วย ก็ยิ่งเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นไปอีก
กรณีตัวอย่าง : ผู้หญิงวัย 35 ปี มีโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ กำลังจะเดินทางไปทำงานในประเทศโซนยุโรป 2 ประเทศ เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์
สิ่งที่ต้องพิจารณา ในการเลือกประกันเดินทางต่างประเทศ
เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องของโรคประจำตัว และปัจจัยด้านการเดินทาง สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ แผนประกันควรให้ความคุ้มครองครอบคลุม ดังนี้
- คุ้มครองกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน เช่น ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และการเคลื่อนย้ายเพื่อรับการรักษาพยาบาลในพื้นที่ หากอาการกำเริบกระทันหัน
- คุ้มครองกรณีต้องส่งตัวกลับประเทศภูมิลำเนา หากเจ็บป่วยหนักหรือเสียชีวิต
- คุ้มครองกรณีเที่ยวบินยกเลิกหรือดีเลย์ เนื่องจากต้องเดินทางไปใน 2 ประเทศ แผนประกันจึงควรครอบคลุมความช่วยเหลือ หากตกเครื่องตอนต่อไปประเทศที่ 2
- คุ้มครองกรณีกระเป๋าเดินทางและทรัพย์สิน สูญหายหรือล่าช้าจากเที่ยวบิน
- เนื่องจากเป็นการเดินทางเพื่อไปทำงาน และไม่ได้ทำกิจกรรมเสี่ยง หากมีงบประมาณไม่สูงมาก เลือกประกันแผนหลักที่มีวงเงินคุ้มครองครอบคลุมก็เพียงพอ
อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า วิธีการเลือกประกันเดินทางต่างประเทศ นั้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด แต่สิ่งสำคัญ คือ ควรวางแผนและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนซื้อ รวมถึงควรเลือกบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือไว้ก่อนอีกด้วย
ทำไมถึงควรเลือกประกันภัยเดินทางต่างประเทศ ของ Tune Protect Thailand
เพราะการหาประกันเดินทางต่างประเทศคู่ใจ เพื่อให้เดินทางราบรื่นทุกทริป มีหลายส่วนที่ต้องพิจารณา ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาบริษัทประกันภัยที่สามารถไว้วางใจได้แล้วล่ะก็ Tune Protect Thailand ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณ
ประกันเดินทางต่างประเทศ iTravel จาก Tune Protect Thailand ช่วยให้คุณเที่ยวสบายใจได้ทุกที่ทั่วโลก เพราะให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 5,000,000 บาท* ในขณะที่ราคาเบี้ยเริ่มต้นเพียง 80 บาท/วัน* เท่านั้น และยังคุ้มครองคลอบคลุมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- คุ้มครองการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมมอบค่ารักษาพยาบาล สูงสุดถึง 4,000,000 บาท*
- คุ้มครองการรักษาจากไวรัส COVID-19 ทุกแผน
- คุ้มครองกรณีไฟลต์บินยกเลิก ตกเครื่อง หรือถูกยกเลิกการเดินทาง
- คุ้มครองทรัพย์สิน สัมภาระ และกระเป๋าเดินทาง กรณีสูญหาย ล่าช้า
- คุ้มครองทรัพย์สินภายในที่อยู่อาศัย ขณะเดินทางต่างประเทศ
- ได้รับการรับรองจากสถานทูต เพื่อใช้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen)
- มอบเงินชดเชย กรณียื่นวีซาไม่ผ่าน*
นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้ ประกันเดินทางต่างประเทศ iTravel แตกต่าง ก็คือ
- ผู้ซื้อไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เป็นเครือข่ายของเราทั่วโลก
- ฟรีบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ Health2GO พร้อมดูแลคุณ 24 ชั่วโมง
- ซื้อออนไลน์ รับกรมธรรม์ทันที
- รับโปรโมชันพิเศษ* สำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัย
เห็นแบบนี้แล้ว ก็อุ่นใจได้ตลอดการเดินทาง เพียงแค่มีประกันเดินทางต่างประเทศ iTravel จาก Tune Protect Thailand ร่วมทริปไปกับคุณด้วย
หากท่านใดสนใจทำประกันเดินทางกับเรา สามารถเช็กข้อมูลแผนประกันเพิ่มเติม และสมัครรับความคุ้มครองได้ที่
- เว็บไซต์ https://online.tuneprotect.co.th/
- ติดต่อ Call center: 1183
- Line@: @tuneprotect
*ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขของเอกสารเสนอขายก่อนตัดสินใจทำประกันภัย เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด แคมเปญการส่งเสริมการขายนี้จัดทำขึ้นและสนับสนุนโดย บจก. เกรท ฟอร์ ทูน โบรกเกอร์ จำกัด